โรงเรียนแม่อ้อวิทยาคม
บทความ

เบาหวานในเด็ก… ภัยเงียบ ! เด็กและวัยรุ่นก็เสี่ยงเป็นได้

เรื่องน่ารู้:
โรคเบาหวาน (Diabetes) เป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติจากการที่ร่างกายไม่สามารถจัดการกับระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติที่เหมาะสมได้
การปรับการใช้ชีวิตประจำวันให้มีวินัยทางด้านสุขภาพมีความสัมพันธ์ต่อการควบคุมเบาหวานได้อย่างดี
การเกิดโรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะมีความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนได้มากกว่าโรคเบาหวานในวัยผู้ใหญ่ และโรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะควบคุมได้ยากมากกว่าโรคเบาหวานในวัยผู้ใหญ่ เนื่องจากสภาวะด้านอารมณ์และการตัดสินใจที่มีโอกาสสูงทำให้ขาดวินัยในการควบคุมเบาหวาน
การตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความเสี่ยงโรคเบาหวาน เป็นอีกวิธีหนึ่งในการป้องกันโรค

ทำไม? เด็กและวัยรุ่นก็เสี่ยงเป็นเบาหวานได้
โรคเบาหวาน (Diabetes) เป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติจากการที่ร่างกายไม่สามารถหลั่งสารอินซูลินในปริมาณที่เพียงพอเพื่อมาจัดการกับระดับน้ำตาล หรือเกิด “ภาวะดื้ออินซูลิน” ที่สารอินซูลินที่ร่างกายหลั่งมานั้นมีประสิทธิภาพไม่ดีพอต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

ที่จะส่งผลต่อไปต่อกระบวนเผาผลาญหรือกระบวนการเปลี่ยนอาหารและเครื่องดื่มที่บริโภคเข้าไปให้กลายเป็นพลังงานโดยเฉพาะน้ำตาล โดยหากระดับน้ำตาลในเลือดไม่สามารถถูกควบคุมให้อยู่ในระดับปกติจะส่งผลกระทบที่สามารถทำลายหัวใจ หลอดเลือด ไต และระบบประสาท นอกจากนี้อาจทำให้สูญเสียการมองในระยะยาวได้ โรคเบาหวานมีหลายชนิดสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 ที่เด็กเล็กและวัยรุ่นสมัยใหม่มีแนวโน้มที่จะเป็นกันมากขึ้น เพราะเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น การกินอาหาร Fast Food หรืออาหารที่หวานจัด เป็นอาหารประเภทแป้งในสัดส่วนที่สูง มีแคลอรี่สูงต่อมื้อ การเกิดโรคอ้วน ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และเกิดจากกรรมพันธุ์ เป็นต้น

สาเหตุโรคเบาหวานชนิดที่ 1:
สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย และพบได้บ่อยสำหรับโรคเบาหวานเด็กและวัยรุ่น สาเหตุเกิดจาก:

ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเซลที่ผลิตอินซูลินในตับอ่อน โดยสาเหตุยังไม่เป็นที่แน่ชัดซึ่งวงการแพทย์ได้ทำการวิเคราะห์หาสาเหตุต่อไป เมื่อเกิดสภาวะนี้ร่างกายจะไม่สามารถเผาผลาญและนำน้ำตาล (Glucose) ที่อยู่ภายในกระแสเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างเหมาะสม รวมถึงไม่สามารถขับออกทางปัสสาวะได้อย่างเป็นปกติ จึงทำให้เกิดสภาวะน้ำตาลในร่างกายมากเกินไป
สาเหตุโรคเบาหวานชนิดที่ 2:
มีโอกาสพบได้ในวัยรุ่น สาเหตุเกิดจาก:
● ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เพียงพอและเซลล์ไม่สามารถนำน้ำตาล (Glucose) มาใช้ในการสร้างพลังงานได้ดีนัก
● ในวัยรุ่นที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน และมีประวัติครอบครัวที่เคยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นี้ จึงส่งผลให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
● ผู้ที่มีชาติพันธ์ุที่เป็นชาวเอเชียใต้ที่มีมีอายุ 25 ปีขึ้นไป
● จะมีความเสี่ยงมากขึ้นเมื่อมีอายุ 40 ปีขึ้นไป

โรคเบาหวานในเด็ก แตกต่างจาก โรคเบาหวานในผู้ใหญ่ อย่างไร ?
หากเกิดโรคเบาหวานในเด็กและวัย จะทำให้มีโอากาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้เยอะกว่าในวัยผู้ใหญ่
เนื่องจากวัยเด็กและวัยรุ่นเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตและการแปลงเปลี่ยนทางด้านอารมณ์ และใช้ความรู้สึกมากกว่าอารมณ์ในการตัดสินใจเป็นส่วนใหญ่ จึงอาจส่งผลต่อการควบคุมการรักษาหรือควบคุมอาการของโรคได้ไม่ดีเท่ากับผู้ใหญ่ จึงอาจจะต้องใช้บุคคลรอบข้าง เช่น ผู้ปกครอง หรือญาติ ในการดูแลร่วมด้วย
อาการที่สังเกตได้
ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะเวลากลางคืน
– ดื่มน้ำมากกว่าปกติ หรือกระหายน้ำบ่อยครั้ง
– มีความอยากอาหารอยู่บ่อยๆ
– การมองเห็นพร่ามัวไม่ชัดเจนหรือเกิดภาพซ้อน, บาดแผลหายช้า
– ลมหายใจมีกลิ่นคล้ายผลไม้หวาน
– รู้สึกเหนื่อยล้าและหงุดหงิดง่าย
– น้ำหนักลดลงทั้งที่กินจุ
– การติดเชื้อที่ผิวหนัง เป็นแผลแล้วอักเสบง่ายหายยาก ในเด็กหญิงบางรายอาจติดเชื้อในช่องคลอดโดยจะต้องได้รับการตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความเสี่ยงโรคเบาหวาน

ความเสี่ยงต่อภาวะโรคแทรกซ้อน
– เบาหวานขึ้นตา ทำให้ตามองเห็นไม่ชัด และอาจร้ายแรงถึงตาบอด หากมีการติดเชื้อหรืออักเสบร่วมด้วย
– โรคไต การเป็นโรคเบาหวานในระยะเวลานานๆ จะทำให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี ส่งผลทำให้ไตเสื่อม จากรายงานข้อมูลจาการรายงานผลการลงทะเบียนรักษาด้วย การบำบัดทดแทนไตของสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยในปี 2556 คนไทยที่เป็นโรคไตวายมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากโรคเบาหวานชนิดที่ 2
– หลอดเลือดแดงตีบตัน มีแข็งและเปราะบางกว่าปกติ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้หลอดเลือดสมองขาดเลือดหรือแตก ที่จะเสี่ยงต่อการเป็นอัมพาต และการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ที่จะเสี่ยงต่อโรคหัวใจวายมากขึ้น
– ระบบประสาทเสื่อม มีอาการชาบ่อยๆ การรับความรู้สึกตามอวัยวะต่างๆ ลดลงจนไร้ความรู้สึก เช่น มือ เท้า ก้น เป็นต้น
– การติดโรคโควิด-19 (Covid-19) สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน มีโอกาสเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่มีสุขภาพปกติ ที่จะมีผลต่อการเกิดอาการอักเสบที่รุนแรงต่อเนื้อเยื่อปอด และระบบทางเดินหายใจที่ขัดข้อง
สามารถป้องกันเบาหวานในเด็กและวัยรุ่นได้หรือไม่
หากจะหาวิธีที่ป้องกันได้แบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีการระบุได้จากวงการแพทย์สากล โดยเฉพาะโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และที่มีสาเหตุมาจากทางกรรมพันธุ์ แต่มีหลักฐานการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถดูแลและป้องกันตัวเองในเบื้องต้นได้จากการปรับการใช้ชีวิตประจำวันให้มีวินัยมากขึ้น เช่น หากมีภาวะน้ำหนักเกินต้องลดน้ำหนักเพื่อลดความเสี่ยง การเลือกกินอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัด มันจัด เลือกกินอาหารตามหลักโภชนาการจัดการกับความเครียดได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การรักษาโรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น
การดูแลและรักษาโรคเบาหวานสำหรับผู้ป่วยทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะมีส่วนป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่จะมากับโรคเบาหวานทั้ง 2 ประเภทได้ และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

● โรคเบาหวานชนิดที่ 1
จะต้องใช้อินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยจะต้องตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ และการคำนวณปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ได้รับประทานและดื่ม วิธีนี้จะทำให้รู้ปริมาณการใช้อินซูลินต่อปริมาณสารอาหารที่บริโภคได้อย่างเหมาะสม การสร้างสุขภาพที่ดี การออกกำลังกายเป็นประจำ และกินอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างเหมาะสมตามหลักโภชนาการ สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่นได้

● โรคเบาหวานชนิดที่ 2
จัดการการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างเหมาะสมตามหลักโภชนาการ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการรักษาน้ำหนักตามเกณฑ์มาตรฐาน แต่บางรายก็ต้องใช้ยาด้วย เช่น ยาเม็ดและอินซูลิน หรือการรักษาอื่นๆ และควรทดสอบระดับกลูโคสในเลือดเหมือนผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และรักษาตามหลักเวชปฏิบัติทั่วไป (GP: General Practitioner) ที่จะเป็นแนวทางได้ว่าควรจะดูแลและรักษาอย่างไรให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สรุป
“การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา” โดยการปรับการใช้ชีวิตประจำวันให้มีวินัยทางด้านสุขภาพมากขึ้น เช่น หากมีภาวะน้ำหนักเกินสามารถการลดน้ำหนักเพื่อลดความเสี่ยง การเลือกกินอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ หลีกเลี่ยงการกิจอาหารรสหวานจัด มันจัด เลือกกินอาหารตามหลักโภชนาการ จัดการกับความเครียดได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หากคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองท่านใดเกิดข้อสงสัยหรือต้องการทราบถึงสุขภาพของบุตรหลานของท่านว่ามีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานหรือไม่ อาจจะต้องได้รับการตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความเสี่ยงโรคเบาหวาน

ที่มา : https://www.pathlab.co.th/children-and-adolescents-diabetes/